ผู้กำกับ ก้องเกียรติ ผู้กำกับหนังรุ่นใหม่

Posted 2022/04/20 149 0

ผู้กำกับ ก้องเกียรติ 6 หนังฝีมือการกำกับ และร่วมเขียนบทภาพยนตร์

ผู้กำกับ ก้องเกียรติ หรือก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับ ภาพยนตร์ไทยคือหนึ่งในผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ที่มีผลงานออกมาสู่สายตาคนไทยมากที่สุด ตลอดระยะเวลา นับ 10 กว่าปี นับแต่วันที่หนังเรื่อง ลองของ ผลงานเรื่องแรกเข้าฉาย เขามีผลงานกำกับออกมาแล้วทั้งหมด 9 เรื่อง สายตาหลายคู่จับจ้องไปที่เขา บ้างก็ว่าเขาทำหนังได้น่าสนใจ เป็น หนังดาร์กนัวร์ ที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่อีกหลายครั้งที่ต้องพบกับวิจารณ์ว่าเขาคือผู้กำกับที่ทำหนังได้น่าผิดหวัง

หลายครั้งที่เขาต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่เขาพยายามทำมาตลอดนั้นถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า แต่ทุกครั้งเขาก็กลับมายืนหยัดได้เพราะเหตุผลเดียวคือ ‘ความรัก’ ที่มีให้กับหนังไทยที่หล่อหลอมเขามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะกับ ขุนพันธ์ 2 ที่ต้องต่อยอดตำนานของขุนพันธรักษ์ราชเดชในมุมใหม่ที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม ก่อนที่เราจะออกสยองขวัญ วันนี้เราขอพาทุกคนย้อนมาดูผลงานของก้องเกียรติ โขมศิริ จากผลงานที่เขามีส่วนร่วมทั้ง งานเขียนบทและงานกำกับภาพยนตร์

ภาพยนตร์ 6 เรื่องที่แนะนำ

1.โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต (ร่วมเขียนบทภาพยนตร์)

เรื่องราวของนักแสดงไร้ชื่อเสียง รับบท เป็นผีชบา ที่ต้องแต่งหน้าด้วยเมคอัพสุดสยอง ระหว่างที่ทำการถ่ายทำฉากผีชบาผูกคอตาย ผู้กำกับเกิดโมโหที่นักแสดงคนนี้ เล่นไม่ได้ดั่งใจซะที และได้มีการตะโกนต่อว่า จนนักแสดงเกิดความเครียด ระหว่างนั้นสลิงที่ใช้ในการถ่ายทำฉากผูกคอเกิดข้อผิดพลาด เมื่อผู้กำกับสั่งเริ่มถ่ายฉากใหม่อีกครั้ง และนักแสดงไปผูกคอ กับสลิงที่ผิดพลาด ทำให้เธอตายจริง แต่ผู้กำกับไม่รู้เรื่องคิดว่า เธอแสดงเหมือนจริง จนกระทั่งมารู้อีกทีตอนถ่ายเสร็จแล้ว และฉากนั้นถูกตัดเข้าไปใส่ไว้ในหนังด้วย ทำให้แรงอาฆาตของผีชบาฝังแน่น อยู่ในแผ่นฟิล์มของหนังเรื่องนั้น

2.Take Me Home : สุขสันต์วันกลับบ้าน (กำกับภาพยนตร์)

ว่าด้วยเรื่องราวของ แทน (มาริโอ้ เมาเร่อ) ชายหนุ่มที่ความจำเสื่อมจากการประสบอุบัติเหตุ และไม่สามารถจำอะไรได้เลย นอกจากชื่อของตัวเอง แทน พยายามหาข้อมูลมาตลอดว่า เขาคือใคร และครอบครัวเขาอยู่ที่ไหน จนวันหนึ่งเขาได้พบหลักฐานบางอย่างซึ่งจะนำพา แทน กลับบ้านอันแสนสุขของเขาอีกครั้ง ในบ้านหลังนี้ แทน ได้พบกับ ทับทิม (วรรณรท สนธิไชย) พี่สาวฝาแฝดของ แทน ที่แต่งงานอยู่กินกับ ชีวิน (ปีเตอร์ นพชัย) พ่อหม้ายลูกสอง พร้อมด้วย แวว (นภาดา สุขกิจ) แม่บ้านผู้เลี้ยงดูแทนมาตั้งแต่เด็ก โดย แทน ต้องเริ่มต้นครั้งใหม่ในการทำความรู้จักกับครอบครัวของเขา!

3.ลองของ (กำกับภาพยนตร์)

เรื่องราวของวัยรุ่น 6 คน ที่หลังจากจบมัธยมแล้ว ก็แยกย้ายไปเรียนในเมืองกรุง พอช่วงปิดเทอมพวกเขา ได้กลับมาพบกันอีกครั้งโดย การรวมกลุ่มมาเยี่ยมครูพนอ ซึ่งเคยสอนพวกเขาสมัยมัธยม และเป็นแม่เลี้ยงของต๊ะ แต่ใครจะรู้ว่าการมาเยี่ยมครูในครั้งนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นความสยอง โดยหนังได้เผยเห็นชีวิตของครู พนอ สาวสวยที่หลายคนต่างหมายปอง จนกระทั่งเธอถูกโดนทำของใส่ ทั้งจากครูและนักเรียนชายในโรงเรียน จนเธอต้องฆ่าหมอไสยศาสตร์ เพื่อแก้มนต์ดำและได้ท่านเทพ 3 ตามาครอบครอง นั่นทำให้ครูพนอเสียสติ เปลี่ยนเป็นเหมือนคนที่ถลำลึกเข้าไปในมนตร์ดำ และใช้วิธีโหดร้ายในการชำระแค้น พวกลูกศิษย์เพื่อพาชีวิตพวกเขา ไปอยู่กับท่านเทพสามตา นั่นยังไม่ใช่จุดเริ่มต้น เพราะในลองของ 2 ครูพนอกลับมาแก้แค้นอีกครั้งด้วย

4.อันธพาล (กำกับภาพยนตร์)

ยุคที่อันธพาล” โด่งดังไปทั่วราชอาณาจักรของเมืองไทย เหล่าอันธพาลต่างถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตาในยุคนั้น ก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ “จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์” ประกาศออกกฎหมายซ่องโจร กวาดล้างและปราบปรามอันธพาลครั้งใหญ่ จากฮีโร่กลับกลายเป็นผู้ร้ายหนีคุกทันที บ้างก็ถูกยิงตายข้างถนนอย่างไม่เหลือเกียรติใดๆ

รวมถึงอันธพาลดาวดังที่ชื่อ “แดง” กับ “จ๊อด” ก็ยังถูกจับติดคุกอยู่นานถึง 4 ปี มันคือสิ่งที่ถูกกล่าวขานกันมานาน จากยุคร็อกแอนด์โรล เข้าสู่ยุคฮิปปี้ การกลับมาของอันธพาลรุ่นเก๋า “จ๊อด” (รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์) และ “แดง” (รับบทโดย สมชาย เข็มกลัด) เมื่อเส้นทางแห่งการเป็น นักเลงอันธพาลถูกกำหนดเอาไว้เรียบร้อย แดงชวน จ๊อดร่วมงานกับแก๊งเจ้าพ่อใหญ่

โดยทำหน้าที่เป็นผู้คุมบาร์ และตามเก็บทวงหนี้ จนทำให้ได้รู้จักกับอันธพาลรุ่นน้องสุดห้าว “ธง” (รับบทโดย สาครินทร์ สุธรรมสมัย) และ “เปี๊ยก” (รับบทโดย กฤษฎา สุภาพพร้อม) ที่ยกให้ทั้งคู่ เป็นฮีโร่รุ่นพี่นักเลงในดวงใจ และฝันไว้สักวันจะต้อง เป็นอันธพาลที่มีชื่อเสียงเหมือน แดง กับ จ๊อดให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน

เมื่อจ๊อดเริ่มเข้าใจ และรู้ซึ้ง ถึงความหมายของวงการนักเลงอันธพาลอย่างถ่องแท้ การใช้กำลังไม่ใช่หนทางที่ทำให้ผู้คนนับถือ ทัศนคติและมุมมองที่ต่างกันของคน 2 วัย กลับเป็นกระจกสะท้อน ของกันและกันให้ได้เรียนรู้ถึง “ชีวิตที่ผ่านพ้น” กับ “ชีวิตที่กำลังจะเติบโต” ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อพวก เลือกเดินบนเส้นทางที่เรียกว่า “อันธพาล”

5.ขุนพันธ์ (กำกับภาพยนตร์)

เล่าเรื่องราวในช่วงปี พ.ศ. 2481 ขณะที่โลกกำลังวุ่นวายกับสงครามโลก และไทยเริ่มจะเข้าร่วมสงคราม มหาเอเชียบูรพาและผันแปร ไปตามกระแสวัฒนธรรมต่างชาติ ไม่เฉพาะศึกนอกบ้าน แต่ศึกในบ้านเอง ไทยก็เริ่มปั่นป่วนจากการซ่อมสุม ของชุมโจรที่สร้างอิทธิพลไปในหลายพื้นที่ แต่ในความมืดมัวของสังคมนั้น นายตำรวจหนุ่มชื่อว่า “นายบุตร์” หรือ “ร้อยตำรวจโทขุนพันธรักษ์ราชเดช” (อนันดา เอเวอริงแฮม) กลับท้าทายอิทธิพลนั้น

ด้วยการลุยเดี่ยวไปปราบเสือที่แดนใต้ ด้วยความสามารถเฉพาะตัวที่ฝึกฝนร่ำเรียนมา คาถาอาคม และความเชื่อมั่นในความยุติธรรม ขุนพันธ์จึงเสนอตัวรับผิดชอบคดีใหญ่ ที่ไม่มีใครกล้าทำนั่นคือ การตามจับจอมโจร “อัลฮาวียะลู” (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) โจรจอมขมังเวทย์ ที่แกร่งกล้าด้วยอาคม หนังเหนียว ฟันยิงไม่เข้า พร้อมกับเสือสมุนที่เชี่ยวชาญ ในการต่อสู้หลายรูปแบบ

6.ขุนแผน ฟ้าฟื้น (กำกับภาพยนตร์)

เรื่องราวของแก้ว เด็กหนุ่มสุพรรณบุรีที่จดจำ เรื่องราวของตัวเองไม่ได้ เขาออกเดินทางตามหา ความทรงจำว่าเขาเป็นใคร และเป็นลูกของใคร
ในขณะเดียวกัน ก็ต้องผจญภัยไปกับแก๊งค์เพื่อนสุดฮา โดยมีวิชาคาถาอาคมที่ร่ำเรียน มาคอยช่วยเหลือ เพื่อกำจัดอุปสรรคที่ขวางกั้น

ผลงานล่าสุดของ ก้องเกียรติ โขมศิริ

ล่าสุดเขากลับมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ ให้กับภาพยนตร์ SLR ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องใหม่ ที่จะติดตาคุณไปจนวันตาย ความลับที่คุณไม่รู้ บางสิ่งที่คุณไม่เคยสัมผัส จะทำให้คุณหลอน จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ “แดน” (นนน-กรภัทร์) นักศึกษาหนุ่มคณะภาพถ่าย ที่สอบธีสิสกับอาจารย์เอมมาเป็นปีแล้ว แต่ยังไม่ผ่านเสียที จนในที่สุด

อาจารย์เอมได้ให้กล้อง SLR ให้ถ่ายงานที่ดีที่สุดมาส่ง แดนกำลังจะค้นพบว่า มันเป็นบททดสอบของกล้องปีศาจ ซึ่งเขาไม่มีทางหนี นอกจากจะต้องเลือกว่าจะยอมตามมัน หรือจะสู้กับมัน และเขากำลังจะลากแฟน และเพื่อนของเขาอย่าง “น้ำ” (เฌอปราง) และ “เกรท” (นนท์-ศดานนท์) เข้ามาร่วมชะตากรรม อันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งรายล้อมไปด้วยความตาย จากกล้องนรกนี้ด้วย

 

อ่านต่อ>>>รีวิวหลังดูหนัง SLR

ช่องทางติดต่อเรา>>คลิก